กองหน้าทีมชาติไทย ไม่ว่าจะยุคใดสมัยใด ต่างมีสไตล์ที่ชัดเจน เช่นเดียวกับ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน หรืออีกหนึ่งคนก็คือ ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หนึ่งในกองหน้าที่มีความครบเครื่องมากที่สุดคนหนึ่งของไทย ทั้งความเร็ว การอ่านเกม จินตนาการในการเล่น รวมถึงลูกยิง ท่าดีใจทีเด็ดที่กลายเป็นเครื่องหมายการค้า
ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เด็กอีสานที่รักฟุตบอล
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หรือ โก้ ทว่าทุกคนมักจะคุ้นหูกับชื่อเล่น ซิโก้ ที่สื่อกีฬาตั้งให้ เพราะเหมือนกับ ซิโก้ ตำนานนักเตะบราซิล เกิดเมื่อ 11 สิงหาคม 1973 ที่จังหวัดอุดรธานี ตั้งแต่จำความได้เด็กชายคนนี้หลงรักฟุตบอล โดยมีคุณพ่อเป็นคนสนับสนุน และเชื่อมั่นว่าลูกชายจะก้าวไปเป็นยอดนักเตะได้
เดินตามความฝันสู่นักเตะอาชีพ
เด็กบ้านนอกจากลูกข้าวเหนียว สู่การตามความฝัน แม้จะมีหน้าที่หลักคือการมาศึกษาเล่าเรียน แต่จุดมุ่งหมายในใจคือการเป็นนักเตะอาชีพ ซึ่งตัวของซิโก้ ต้องเริ่มจากโรงเรียนพาณิชยการกรุงเทพ เพื่อจะก้าวไปเป็นนักเตะทีมชาติไทย เพราะนั้นคือเป้าหมายสูงสุด
เป้าหมายทำได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยฝีเท้าที่โดดเด่นเหลือเกิน ก่อนจะมีสโมสรใหญ่ ๆ มาคว้าตัวไปร่วมทีม ซิโก้ ได้ติดทีมชุดเยาวชนทีมชาติไทย ไปเล่นที่ประเทศมาเลเซีย ก่อนจะยิง 13 ประตู จนสุดท้าย สโมสรธนาคารกรุงไทย ดึงตัวไปร่วมทีมก่อนจะเริ่มแจ้งเกิดในฐานะนักเตะอาชีพตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
เส้นทางสโมสรของ ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
หลังจากเริ่มเล่นฟุตบอลกับ สโมสรธนาคารกรุงไทย ซิโก้ ได้ย้ายไปร่วมทีม ราชประชา ในปี 2538 และ สโมสรตำรวจ ในปี 2540 ตามลำดับ ก่อนจะมีโอกาสไปเล่นต่างประเทศหนแรกกับทีม เปอร์ลิส ที่มาเลเซีย ในปี 2541
และในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้เคยไปฝึกซ้อมกับ มิดเดิ้ลสโบรห์ ที่ประเทศอังกฤษและได้เซ็นสัญญาร่วมทีม ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ ก่อนจะลงเล่นทีมชุดสำรอง 1 ปี ก่อนจะตัดสินใจกลับมาเล่นให้ ราชประชา ที่ประเทศไทยอีกครั้ง
ช่วงสุดท้ายตำนานวีลีก
แต่ดูเหมือน ซิโก้ ยังคงติดใจฟุตบอลต่างประเทศ จึงตัดสินใจย้ายไปเล่นให้กับ สิงคโปร์ อาร์มฟอร์ซ ที่ประเทศสิงคโปร์ โชว์ผลงานยอดเยี่ยม จนทีมดังจากเวียดนามอย่าง ฮอง อันห์ ยาลาย ดึงตัวไปร่วมทีม
ระยะเวลา 4 ฤดูกาลกับทีม ซิโก้ กลายเป็นตำนานของลีก ทั้งพาทีมคว้าแชมป์ สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับ ฮอง อันห์ ยาลาย แถมได้รับการยกย่องจากแฟนบอล ก่อนจะประกาศเลิกเล่น และผันตัวมาเป็นโค้ชเต็มตัว
ในนามทีมชาติไทย
ซิโก้ กลายเป็นนักเตะที่ติดทีมชาติมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 134 เกม ตั้งแต่ปี 2536 ถึงปี 2550 และยังเป็นนักเตะที่ยิงประตูสูงสุดให้กับทีม 71 ประตู โดยยังไม่มีใครสามารถทำลายได้ นอกจากนี้ยังเดินหน้าล่าความสำเร็จมากมายให้กับทัพช้างศึก ทั้งนี้ลายเซ็นที่ทุกคนจำได้ดีคือเจ้าของเสื้อหมายเลข 13 ที่มีท่าดีใจเป็นเอกลักษณ์ เมื่อทำประตูได้จะตีลังกาโชว์
เมื่อวันที่ยุติบทบาทในฐานะนักเตะ ซิโก้ ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะขอกลับมาเป็นกุนซือทีมชาติไทยให้ได้สักครั้ง และขอคืนความสุขให้กับแฟนบอลชาวไทย ซึ่งหลังจากการพูดครั้งนั้น ตัวเขาได้ไปเล่าเรียนเกี่ยวกับอาชีพโค้ช และเริ่มคุมทีมในระดับสโมสร
บทบาทกุนซือทีมชาติ
หลังจากตัดสินใจอำลาวงการฟุตบอล ซิโก้ ได้เดินหน้าทำตามอีกหนึ่งความฝัน คือการเป็นกุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่ และได้รับโอกาส เป็นหัวหน้าผู้ฝีกสอน 4 ปี และถูกยกย่องว่าเป็นคนเรียกศรัทธาแฟนบอลไทยกลับมา ในยุค “บอลไทย ฟีเวอร์”
แม้ว่าในช่วงสุดท้ายกับทีมชาติ จะไม่ประสบความสำเร็จมากนัก หลังพาทีมเข้าไปลุยฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย 2018 รอบ 12 ทีมสุดท้าย แต่จากผลงานในช่วงเวลาดังกล่าวที่ไม่ดี ซิโก้ แสดงความรับผิดชอบต่อผลงานด้วยการประกาศลาออก
ความสำเร็จกับทีมชาติไทย
- แชมป์ซีเกมส์ 2013
- แชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014
- อันดับที่ 4 เอเชียนเกมส์ 2014
บทส่งท้าย
นี่คือยอดดาวยิงของทีมชาติไทยอย่างแท้จริง ทั้งการลงเล่นมากที่สุด ยิงมากที่สุด แถมเขียนประวัติศาสตร์กลายเป็นแข้งไทยคนแรก ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลอาเซียนได้สำเร็จ ทั้งในฐานะนักเตะและโค้ช ตำนานที่ถึงปัจจุบันยังไม่มีใครทำลายมันลงได้ ถ้าอยากรู้ขอมูลเกี่ยวกับกองหน้าระดับโลก สามารถอ่านได้ที่บทความ 10 อันดับ กองหน้าที่ดีที่สุดตลอดกาลแห่งโลกลูกหนัง