หากให้เอ่ยถึงนักเตะในตำแหน่งกองหน้า ที่เกิดมาครบเครื่องทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นร่างกายที่สูงใหญ่ ความเร็ว ความคล่องที่น่าเหลือเชื่อ แถมยังมีลูกยิงที่เด็ดขาดยากจะหาใครเหมือน หนึ่งในคนนั้นที่แฟนบอลทั่วโลกต้องนึกถึง เขาคือ โรนัลโด้
ในวันนี้เราจะพาไปรู้จักชายชาวบราซิล ที่เกิดมาจากเมืองหลวง กรุงริโอ เด จาเนโร ว่ากว่าเขาจะจารึกชื่อเป็นหนึ่งในสุดยอดนักเตะของโลก ต้องผ่านอะไรมาบ้าง และความสำเร็จ เกียรติยศในการเป็นผู้เล่น มีมากน้อยแค่ไหน ทำไมแฟนบอลทุกยุคทุกสมัยถึงหลงรักเขา
จุดกำเนิด โรนัลโด้ R9
โรนัลโด้ หลุยส์ นาซาริโอ เดอ ลิมา เกิดที่เมืองหลวง กรุงริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล แม้เราเคยได้ยินว่านักเตะหลายคนที่เกิดในดินแดนกาแฟ มักจะต้องเจอกับปัญหาทางบ้านยากจน ไม่มีอันจะกิน ทำให้การดิ้นรนเพื่อเป็นนักฟุตบอล เพื่อนำเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง คือเป้าหมายแรกของเด็กที่นั้น หนึ่งในนั้นก็คือ เนย์มาร์
ทว่ากับ โรนัลโด้ ไม่ใช่แบบนั้น ชีวิตของเขาไม่ได้ลำบาก และสุขสบายดีในช่วง 10 ปีแรก ตั้งแต่ลืมตาดูโลก เมื่อวันที่ 18 กันยายน 1976 แต่จุดเปลี่ยนสำคัญคือการแยกทางกันของพ่อกับแม่ ทำให้ตัวเขาได้รับการเลี้ยงดูจากมารดา และการตัดสินใจครั้งสำคัญเกิดขึ้นในวัย 12 ขวบ เขาหันหลังให้การเรียน และมุ่งหน้าการเป็นนักฟุตบอลอาชีพแบบเต็มตัว
เส้นทางลูกหนัง
เมื่อตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะเอาดีทางด้านการเป็นนักเตะ โรนัลโด้ เริ่มต้นฟุตบอลกับ โซเชี่ยล รามอส แอทเลติก สโมสรฟุตซอล ที่ตัวของเขาโชว์ความเหนือชั้น ซัดไป 166 ประตู ในฤดูกาลแรก ด้วยวัย 12 ปีเท่านั้น ก่อนที่ในปีต่อมา เซาคริสโตโวใน สโมสรฟุตบอลแถว บ้านเกิดดึงตัว โรนัลโด้ เข้าไปร่วมทีม
และฝีเท้าที่โดดเด่นเกินเพื่อนในรุ่นเดียวกัน โรนัลโด้ ต้องเล่นแบกอายุ ทะยานขึ้นไปเป็นนักเตะในชุด U-20 ทั้ง ที่ตัวเขาในตอนนั้น เพิ่งจะอายุครบ 15 ปี เท่านั้น
ผลงานในลีกบ้านเกิด
หลังจากเฉิดฉายกับสโมสรแรก ทีมยักษ์ใหญ่ในลีกบราซิล ต่างเข้าคิวรอเพื่อคว้าตัวเขาไปร่วมทีม สโมสรที่ประสบความสำเร็จก็คือ ครูไซโร โดยตัวเขาลงเล่นกับทีมดังจากแดนแซมบ้าไป 47 นัด ยิงไป 44 ประตู ใน 2 ฤดูกาลที่อยู่กับทีม
และในปีดังกล่าว ทีมชาติบราซิล เรียกดาวรุ่งรายนี้ไปติดทีมหนแรก ลุยศึกฟุตบอลโลกที่สหรัฐอเมริกา ในปี 1994 และแม้ทีมบ้านเกิดจะได้แชมป์โลก แต่หนุ่มน้อย โรนัลโด้ ในตอนนั้นไม่ได้รับโอกาสให้ลงสนามแม้แต่นาทีเดียว
ลุยลีกยุโรป
หลังจากจบฟุตบอลโลก แข้งกองหน้าฟอร์มแรง ได้รับโอกาสลุยในลีกฟุตบอลยุโรปทันที และนับตั้งแต่นั้นตัวเขาได้สร้างชื่อเป็นสุดยอดนักเตะตลอดกาลของโลกลูกหนัง
พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น
ประเดิมด้วย ทีมดังจากลีกฮอลแลนด์ ลงเล่นไป 58 นัด ยิงไป 54 ประตู จาก 2 ฤดูกาลที่ช่วยทีม แต่พาทีมคว้าแชมป์แค่ฟุตบอลถ้วยภายในประเทศ แต่ไม่สามารถก้าวไปเป็นแชมป์ลีกได้
บาร์เซโลน่า
กับทีมดังแดนกระทิงดุ เจ้าตัวเริ่มฉายแววโหดให้โลกได้เห็น โดยลงสนามไป 49 นัด ยิงไป 47 ประตู แต่ค้าแข้งไปเพียงแค่ฤดูกาลเดียว
อินเตอร์ มิลาน
จากสเปน ย้ายไปเล่นในลีกอิตาลี กับทีมจากเมืองมิลาน แม้จะอยู่กับทีมยาวนานถึง 5 ฤดูกาล แต่ลงเล่นไปเพียงแค่ 68 นัด ยิงไป 49 ประตู เหตุจากปัญหาอาการบาดเจ็บหนัก ที่ทำให้ตัวเขาไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้สุดยอดเหมือนก่อนหน้านั้น แต่อย่างน้อยเขาก็ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ สมัยแรกกับทีม
เรอัล มาดริด
กลับมายังศึกลาลีกา แต่รอบนี้ย้ายไปอยู่กับทีมคู่อริของต้นสังกัดเก่า โดยค้าแข้งไป 4 ฤดูกาลครึ่ง สามารถผงาดคว้าแชมป์ลีกหนแรกในชีวิตให้กับตัวเองในปี 2003 ก่อนจะฝากผลงานไว้ที่ 177 นัด ยิงไป 104 ประตู
เอซี มิลาน
อีกครั้งกับทีมจากเมืองมิลาน แต่รอบนี้ย้ายมาเล่นในฝั่งสีแดง และเป็นช่วงเวลาสุดท้ายในฟุตบอลลีกยุโรป ทว่าสัญญาระยะสั้นเพียง 6 เดือน ลงช่วยทีมไป 20 นัด ยิง 9 ประตู
แชมป์โลกเติมเต็มความฝัน
ช่วงเวลาที่ โรนัลโด้ น่าจะมีความสุขที่สุด คือปี 2002 เพราะสามารถพาทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 5 มาครองได้สำเร็จ พร้อมกับคว้าบัลลงดอร์ สมัยที่ 2 มาให้กับตัวเองได้อีกด้วย โดยฝากผลงานไว้ให้แฟนบอลได้จดจำดังนี้่
- ลงสนาม : 560 นัด
- ยิงประตู : 388 ประตู (เฉลี่ย 0.6 ประตู/นัด)
- คว้าแชมป์ : 17 ใบ
- คว้าบัลลงดอร์ : 2 สมัย
บทส่งท้าย
ถึงจะมีการถกเถียงว่าตัวเขาคือกองหน้าที่ดีที่สุดตลอดกาลของโลกหรือไม่ ด้วยบางช่วงเวลาจากอาการบาดเจ็บ ที่ทำให้ โรนัลโด้ ลงสนามได้น้อยเกินไปในช่วงที่พีค แถมภาพจำในช่วงบั้นปลายอาชีพ กลายเป็นแข้งเจ้าเนื้อ ลงพุง
แต่จากผลงานที่ผ่านตา รวมถึงในโลกออนไลน์ยังมีคลิปของเขาที่เป็นหลักฐานว่า โรนัลโด้ R9 คือหนึ่งในกองหน้าที่ครบเครื่องที่สุดที่โลกลูกหนังเคยมีมา และจะเป็นตำนานแบบนี้ตลอดไป